Fibonacci คืออะไร? วิธีตีเส้น Fibonacci ฉบับมือใหม่ ใน 5 นาที

Fibonacci คือ สัดส่วนตัวเลขที่หลายๆ อย่างในธรรมชาติมีสัดส่วนที่เท่ากันแบบนี้เสมอ คิดค้นขึ้นโดยนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี โดยเมื่อนักลงทุนมาสังเกตการเคลื่อนที่ของตลาดทุน ทำให้พบว่า ไม่ว่าจะตลาดหุ้น หรือ ตลาด Forex หรือแม้ตลาดคริปโตเคอเรนซี่เอง ก็ยังเคลื่อนที่ตามสัดส่วนนั้นเช่นกัน 

วันนี้จะมีเคลียร์ทุกประเด็น Fibonacci คิออะไร ลากเส้นตีเส้น Fibo ยังไง โพสต์นี้จบๆ

Fibo หรือเรียกเต็มๆว่า Fibonacci คือ สัดส่วนตัวเลขที่คิดค้นขึ้นจากฝั่งตะวันตกโดย Leonardo Bigollo Pisano (นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี) เป็นผู้ค้นพบสัดส่วนนี้โดยเขาสังเกตว่าธรรมชาติรอบตัวเรา มีความพิเศษและมีความเป็นสัดส่วนที่เท่ากันอยู่ในธรรมชาติ เช่น อัตราส่วนของเปลือกหอย เกษรดอกไม้

และในต่อมาเมื่อมีตลาดหุ้นเกิดขึ้น ก็มีนักลงทุนนำสัดส่วนนี้มาเทียบกับการเคลื่อนที่ของตลาดนั่น ซึ่งก็พบว่ามีสัดส่วนในการเคลื่อนที่เดียวกับลำดับ Fibonacci ด้วยเหมือนกัน จนแทบจะเรียกว่า Golden Ratio (สัดส่วนทองคำ) กันเลยทีเดียว

Leonardo Bigollo Pisano ได้ค้นพบว่า Fibo คือสัดส่วนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และเป็นสัดส่วนที่สายตาของมนุษย์มองมาแล้วจะรู้สึกว่าลงตัว แต่ที่น่าตกใจคือพอนำมาใช้กับตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์ใดๆที่มีการซื้อขายจากมนุษย์โดยจำนวนมากจะทำให้เกิดสัดส่วน Fibo ขึ้นด้วย

Fibo คือ สัดส่วนตัวเลข (อนุกรม) ที่ตัวเลขแต่ละตัวจะมาจากผลลัพธ์รวมกันของตัวเลข 2 อันดับก่อนหน้ามีชื่อเรียกว่า “Fibonacci Sequence”

ซึ่งพอมองสัดส่วนนี้แล้วมนุษย์จะมองมาแล้วจะรู้สึกสวยงาม และสบายตา โดยตรงนี้มีผลทางวิทยาศาสตร์ไปถึงสัดส่วนใบหน้าของชาย และหญิงที่คนเราจะมองแล้วรู้สึกว่าสวย หรือหล่อ เนื่องจากมีสัดส่วนธรรมชาติทที่สมดุล และตรงกับลำดับ Fibonacci

นิยามจำนวนฟิโบนัชชี

ถ้าเอาตามทฤษฏีจริงๆ  เลขจำนวนฟีโบนัชชี (Fibonacci number) คือ จำนวนต่าง ๆ ที่อยู่ในลำดับจำนวนเต็ม ดังต่อไปนี้

0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144, 233, 377, 610, 987, 1597, 2584,  … (ลำดับ OEIS A000045)

โดย Fibonacci มีนิยามของความสัมพันธ์ของตัวเลขว่า จำนวนถัดไปเท่ากับผลบวกของจำนวนสองจำนวนก่อนหน้านั้นเอง

Fibonacci Sequence จะเริ่มจากชุดตัวเลขตั้งแต่ 0 กับ 1 โดยตัวเลขถนัดไปนั้น จะเกิดจาก 2 ตัวเลขก่อนหน้าบวกกัน และสามารถบวกกันต่อไปได้อย่างไม่มีจุดจบ

ยกตัวอย่างเช่น 0,1,1,2,3,5,8,13,21 ตัวเลขชุดนี้ถ้าแยกให้เห็นได้ชัด ก็คือ

(0+1=1),(1+1=2),(1+2=3),(2+3=5),(3+5=8),(5+8=13),(8+13=21)….

และสามารถบวกกันต่อแบบนี้ไปได้เรื่อยๆ อย่างไม่รู้จบ

ซึ่งสัดส่วนตรงนี้ หรือที่เราเรียกกันว่า Fibo คนไทยเราจะนิยมเรียกกันว่า “สัดส่วนทองคำ”

ก่อนที่เราจะไปรู้จักวิธีใช้ Fibo เราไปรู้จักกับหน้าตาของเครื่องมือนี้กันก่อน

รูปตัวอย่าง Fibo Retracement เป็นเครื่องมือตัวหนึ่งที่ใช้ในการเทรด

โดยสัดส่วนที่เราเห็นในภาพนี้มาจากไหน ก็มาจากสัดส่วน Fibonacci Sequence ที่เราอธิบายไปก่อนหน้านี้ จุดประสงค์หลักของการใช้ Fibo ก็คือ การหาระดับราคา “ที่สำคัญ” โดยเราต้องรู้ก่อนว่าเรากำลังใช้ Fibo ในการตีหาระดับราคาของ

• แนวรับของราคา
• แนวต้านของราคา

เพื่อดูว่าเราจะใช้ Fibo ในการตีหาจุดเข้า Buy หรือเข้า Sell

มารู้คำตอบกันว่า Fibo เนี่ยเราตีกันทำไม ตีเพื่อออออ ? และเอามาใช้หาอะไรกันนะ

เครื่องมือที่เราใช้ตีกันหลักก็คือ Fibo Retracement โดยจะมีวิธีตีเพื่อหาคำตอบหลายรูปแบบแต่วันนี้จะมาตีแบบพื้นฐานง่ายๆให้ดูกัน

โดยก่อนอื่นเราต้องมองว่าเราจะตีเพื่อเทรด Sell , Buy เพื่อหาคำตอบว่ากราฟจะลงต่อ หรือขึ้นต่อนั้นเอง

สมมติผมมองว่าผมจะ Short บิดคอยด์ เราต้องรู้ก่อนว่าเราควรจะ Short ที่ราคาเท่าไหร่ดี

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนคือ

1. ต้องรู้ว่าเราอยู่ที่ TF อะไร ?
2. ต้องตีที่ Swing Low ล่าสุด ไป High ล่าสุด ของ TF ที่จะเข้าเทรด
3. เราต้องตี Fibo จากซ้ายไปขวาเสมอ

ส่วนเทคนิคในการเข้าเทรดเราจะต้องดูองค์ประกอบอื่นอีกทีด้วย แต่ใช้ฟิโบนาชี่ในการดูสัดส่วนและหาโซนได้ว่ามีจังหวะตรงไหนบ้างที่กราฟมีโอกาสจะกลับตัว

โดยถ้าเราตีกราฟหาแนวรับเราจะตีจาก Swing Low ล่าสุด จาก TF กราฟที่เราต้องการจะดูไปยัง Swing High ล่าสุดที่เกิดขึ้น

โดยสัดส่วนที่เราเห็นจุดเริ่มต้น Fibo 1 เริ่มจากล่างสุด ลากไปที่ Swing High สูงสุดที่ 0

สัดส่วนสำคัญที่กราฟมีโอกาสจะพักตัวลงมาได้
มีตั้งแต่ 0.333, 0.382, 0.5, 0.618, 0.786 ,0.882 ,0.942

โดยสัดส่วนที่กราฟมักจะลงมาพักตัวเสมออยู่ในโซน Fibo 0.5-0.882

โดยปกติคำว่า Golden Ratio จะเป็นเลข 1.618 / 0.618 ซึ่งเป็นเลขนิยมที่นำมาใช้ในการเทรด ว่าเมื่อราคามาถึงจุดสัดส่วนนี้ มันจะมีการหยุดพักบ่อยครั้ง

ก่อนเข้าเทรด เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะดู Time Frame ไหนเพื่อใช้หา Swing Low และ High ในการตี

เมื่อเลือก Time Frame แล้วเราต้องดูว่าตอนนี้กราฟเป็น Trend อะไรมีโอกาส Buy หรือ Sell มากกว่ากันแล้วเราจึงตี Fibo เพื่อหาสัดส่วน

ถ้าเป็น Buy เราจะหาสัดส่วนที่กราฟมีโอกาสจะพักตัวลงมา แต่ถ้า Sell เราจะหาสัดส่วนที่กราฟจะขึ้นไปแล้วไม่สามารถผ่านได้แล้วพักตัวลงมา

นี่คือกราฟ ETH โดยจังหวะในการหาจุด Buy คือ ตี Fibo จาก Swing low ของ TF D ที่เห็นล่าสุดไปที่ Swing High TF D ล่าสุดเมื่อราคาลงมาที่ 0.618 เราจะหาจังหวะเข้า Buy

ใช้ Swing High ใน TF 4H ลากมาที่ Swing Low ใน TF 4H เพื่อหาจังหวะที่กราฟรีบาวขึ้นไป และหาโซนที่จะเปิด Sell อีกที

การใช้ Fibonacci ถือว่าเป็นที่นิยมมากในการเข้ามาใช้ในการเทรด แต่ว่าในการเทรดมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น นักเทรดทั้งหลายเลยต้องผสมผสานเทคนิคต่างๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มการประกอบการตัดสินใจ

ซึ่งหลักๆ เนื่องจาก Fibonacci มากจะใช้ในการหาจุดกลับตัว หรือ ย้อนกลับ ดังนั้น หนึ่งในเทคนิคที่ใช้ก็คือ Fibo กับ แนวรับแนวต้าน หรือ Fibo กับ Demand Supply Zone