แนวรับ แนวต้าน คืออะไร ใช้ประโยชน์ในการเทรดในตลาดยังไง

วิธีการตี แนวรับ แนวต้าน

แนวรับ แนวต้าน คือ แนวหรือกรอบของราคาที่เมื่อมีการวิ่งมาถึงจะเกิด Reaction ไม่ว่าจะเป็นแรงขาย หรือแรงซื้อ

แนวรับแนวต้าน เป็นเรื่องพื้นฐาน ที่นักเทรดทุกคนควรรู้จัก และเข้าใจ!ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องพื้นฐานเลยก็ว่าได้ที่นักเทรดทุกคนจะต้องรู้จักกับเจ้าแนวรับแนวต้าน เพราะเป็นเหมือนเครื่องมือที่ทำให้นักเทรดเห็นว่าทิศทางของกราฟราคาในคริปโต หรือหุ้น ที่เราจะเข้าไปเทรดนั้นอยู่ในทิศทางไหน และกำลังจะมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่ไปยังทิศทางใดต่อ

ยิ่งถ้าคุณเป็นมือใหม่ในตลาดเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะรู้ไว้เลยเพื่อใช้ในการวางแผนการเทรด และหาจุดเข้าไม่ว่าจะเป็น Sell หรือ Buy ที่ได้เปรียบจากการดูแนวรับแนวต้าน

แนวรับ แนวต้าน คืออะไร?

แนวรับ แนวต้าน หรือ (Support , Resistant) คือ แนวหรือกรอบของราคาที่เมื่อมีการวิ่งมาถึงจะเกิด Reaction ไม่ว่าจะเป็นแรงขาย หรือแรงซื้อ

แนวรับ  (Support) ก็คือ แนวของราคาที่เมื่อมีแรงขายวิ่งมาถึงจุดหนึ่งแล้วจะเกิดแรงซื้อเข้ามารับราคาไว้ไม่ให้ลงไปต่ำขึ้น นี้จึงเป็นความหมายของคำว่าแนวรับ ก็คือ แนวรับราคานั้นเอง

แนวต้าน (Resistant) ก็คือ แนวของราคาที่เมื่อมีแรงซื้อวิ่งมาถึงจุดหนึ่งแล้วจะเกิดแรงขายเข้ามาต้านราคาไว้ไม่ให้ขึ้นไปกว่านี้ นี้จึงเป็นความหมายของคำว่าแนวต้าน ก็คือ แนวต้านราคานั้นเอง

จะเห็นว่าความหมายก็ตรงตัวกับชื่อเลย แนวรับ ก็คือ รับราคาไว้ไม่ให้ลงต่อ ส่วนแนวต้าน ก็คือ ต้านราคาไว้ไม่ให้ไปต่อ

เครื่องมือที่ใช้ตีแนวรับแนวต้าน

นิยมใช้เครื่องมือ Trend Line , Horizontal Line และ Parallel Channel ในการตีหาแนวรับและแนวต้าน โดยจะมีเครื่องมืออย่าง Fibonacci Retracement อีกด้วยที่สามารถใช้หาแนวรับแนวต้านได้

แต่ในบทความนี้เราจะขอพูดถึงแค่เครื่องมือ Trend Line และ Horizontal Line ในการใช้หาแนวรับแนวต้าน

หน้าตาของ Trend Line

เครื่องมือ Trend Line ใน TradingView

หน้าตาของ Horizontal Line

เครื่องมือ Horizontal Line ในการตี แนวรับ แนวต้าน

หน้าตาของ Parallel Channel

Parallel Channel สามารถใช้ตีหาแนวรับแนวต้านได้

วิธีการตีแนวรับ (Support)

วิธีการตีแนวรับ ก็คือ เราจะตีเป็นเส้นแนวนอนอยู่ใต้แท่งราคาโดยสามารถตีได้ที่ไส้เทียนหากราคาลงมาถึงแนวรับที่ตีไว้แล้วไม่สามารถรับได้ ราคาก็จะทะลุลงต่อ แต่ถ้ารับได้ราคาก็จะเด้งกลับขึ้นไป

วิธีการตีแนวต้าน (Resistant)

วิธีการตีแนวต้าน ก็คือ เราจะตีเป็นเส้นแนวนอนอยู่เหนือแท่งราคาโดยสามารถตีได้ที่ไส้เทียนหากราคาขึ้นมาถึงแนวต้านที่ตีไว้แล้วไม่สามารถผ่านไปได้ราคาก็จะกลับลงมา แต่ถ้าไปต่อได้ราคาก็จะขึ้นไปต่อ

ตัวอย่างวิธีการตีแนวรับแนวต้านแบบ Side Way

เส้นสีน้ำเงิน = แนวต้าน

เส้นสีเหลือง = แนวรับ

จากรูป จะเห็นว่าเมื่อราคาวิ่งขึ้นมาถึงเส้นสีน้ำเงิน(แนวต้าน) จะมีแรงขายเข้ามาทำให้ราคาวิ่งกลับเข้าไปในช่วงราคาที่วิ่งขึ้นมา โดยตีที่ไส้เทียนเป็นหลักแต่ถ้าราคาขึ้นมาแล้วทะลุก็จริง แต่ไม่สามารถปิดเหนือแน้วต้านได้ ทิ้งไส้ไว้ราคาก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อ

และเมื่อราคาวิ่งลงมาถึงเส้นสีเหลือง (แนวรับ) จะมีแรงซื้อเข้ามาทำให้ราคาวิ่งกลับขึ้นไปไม่ลงไปต่ำกว่านี้ โดยถ้าราคาวิ่งลงมาผ่านแนวต้านไปได้แต่ไม่สามารถปิดเต็มแท่งเทียนได้ ราคาก็มีโอกาสที่จะปรับตัวกลับขึ้นไป

วิธีการตี แนวรับ แนวต้าน

ตัวอย่างวิธีการตีแนวรับแนวต้านแบบ Up Trend

วิธีการตีแนวรับแนวต้าน up trend

ตัวอย่างวิธีการตีแนวรับแนวต้านแบบ Down trend

วิธีการตีแนวรับแนวต้าน Down trend

แนวรับ แนวต้าน มีประโยชน์ยังไงกับการวางแผนเทรด?

  • ช่วยให้เราเห็นถึงโซนราคาที่เราควรจะกดเข้าเทรด เพื่อให้ได้ราคาที่ดีทั้ง Long และ Short เราจะเห็นว่าโซนไหนที่ราคามีโอกาสจะปรับตัวขึ้น หรือลง
  • ช่วยให้เราเห็นรูปแบบการเคลื่อนที่ของราคาว่ากำลังไปในทิศทางไหน
  • สามารถใช้ประกอบคู่กับวิธีการเทรดรูปแบบอื่นเพื่อหาจังหวะในการเข้าเทรด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานรวมกับ Indicators หรือการใช้งานร่วมกับรูปแบบแท่งเทียนต่างๆ

จริงไหมถ้าราคาสามารถทะลุแนวรับ แนวรับเก่าจะเปลี่ยนเป็นแนวต้าน
หรือ ถ้าสามารถทะลุแนวต้านได้ แนวต้านเก่าจะเปลี่ยนเป็นแนวรับ ?

ถ้าแนวรับหรือแนวต้านที่ทะลุผ่านขึ้นมาเป็นแนวต้านที่สำคัญ คือ ราคามีการเคลื่อนไหวมาเทสหลายๆรอบจนสามารถผ่านไปได้คำตอบข้อนี้คือเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าเป็นแนวต้านใหม่ หรือแนวรับใหม่ที่พึ่งเกิดมาไม่นาน มีการเทสไม่กี่ครั้งตรงนี้จะเป็นแนวรับแนวต้านที่ไม่แข็งแรงต่อให้ราคาผ่านไปได้ก็อาจจะกลับมาได้อีกครั้ง

แล้วถ้า แนวต้าน ต้านไม่ได้ หรือ แนวรับ รับไม่ได้หละ?

แนวรับหรือแนวต้านเป็นเพียงปัจจัยทางเทคนิคที่ช่วยในการเทรด โดยเราดูจากพฤติกรรมราคาที่มามี Reaction ที่โซนเดิมๆ ซ้ำๆ ก็จะเกิดเป็น แนวรับแนวต้าน

แต่มีหลายๆ ครั้ง ที่แนวรับก็จะรับไม่ได้ หรือแนวต้านก็ต้านไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะ ราคาอาจจะทะลุแนวต้านขึ้นไป เพื่อขยับไปอยู่อีกโซนราคานึง ซึ่งจุดนี้นี่คือ จุดสำคัญ

แนวต้าน เมื่อราคาทะลุขึ้นไปแล้ว ราคาอยู่เหนือแนวต้านเมื่อไหร่ แนวต้านเดิมนั้นจะกลายเป็นแนวรับแทน

ส่วนแนวรับ เมื่อราคาทะลุลงไป ราคาอยู่ต่ำกว่าแนวรับแล้ว แนวรับเดิมนั้นจะกลายเป็นแนวต้านไป

ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรจะต้องรอว่า เมื่อราคาทะลุแล้ว สมมติ แนวรับทะลุลงไป แล้วราคาขึ้นมาเจอแนวรับนี้ที่แปรเปลี่ยนเป็นแนวต้านไปแล้ว ราคาจะมี Reaction อะไรหรือไม่ เพื่อเป็นการยืนยันว่า แนวรับกลายเป็นแนวต้านไปแล้วจริงๆ

เมื่อราคาทะลุ แนวรับจะกลายเป็นแนวต้าน แนวต้านจะกลายเป็นแนวรับ

แนวรับ แนวต้าน vs Pullback Throwback

มีหลายคนพอเริ่มศึกษาหลายๆ อย่าง ก็เริ่มตีกันในหัวในแต่ละทฤษฎี โดยเฉพาะ แนวรับแนวต้านกับ Pullback Throwback ที่หลายๆ คน ยังสับสนว่าเหมือนหรือต่างกันยังไง

แนวรับ แนวต้าน คือ แนวที่ราคาสัมผัสกันมากที่สุด เป็นแนวที่ราคาขึ้น หรือลงไปถึงที่แนวนั้น

ส่วน Throwback เป็น จุดที่ทำลายแนวต้าน โดย Pullback เป็น จุดที่ทำลายแนวรับเมื่อแนวรับถูกทำลายจะกลายเป็นแนวต้าน และเมื่อแนวต้านถูกทำลายจะกลายเป็นแนวรับ

X